2551/09/20

“ทักษิณ” พูดผ่านสื่อเทศอ้างถูกใส่ร้าย



พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก-รัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าวรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ จากบ้านที่พักในย่านเซอร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ กรุงลอนดอน เมื่อ 18 ก.ย. หรือ 1 วัน ก่อนวันครบรอบ 2 ปี ที่เขาถูกก่อรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อ 19 ก.ย. 2549 โดยกล่าวว่า การที่ตนถูกกล่าวหาในคดีคอรัปชัน เป็นส่วนหนึ่งของแผนสมรู้ร่วมคิดโดยเหล่าศัตรูทางการเมือง ตนจะไม่กลับมาสู้คดีในประเทศไทย คดีที่มีมูลเหตุจูงใจจากการเมืองต้องแก้ด้วยวิถีทางการเมือง ตนถูกใส่ร้ายทางการเมือง จะกลับประเทศไทยเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ตอนนี้ต้องทุ่มเทเวลาให้กับลูกๆและภรรยา ขณะใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ
การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ภริยา ออกแถลงการณ์ เมื่อ 11 ส.ค. ว่าตนหนีประกันในคดีคอรัปชันไปอยู่ในอังกฤษ โดย พ.ต.ท.ทักษิณปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีสภาผู้-แทนราษฎรลงมติเลือกนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย เป็น นายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนนายสมัคร สุนทรเวช อย่างไร ก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณไม่วายกล่าวเสียดสีพันธมิตรประ-ชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กรณีที่ พธม.กล่าวหานายสมัครว่าเป็นหุ่นเชิดของตน และนายสมชายก็เป็นแค่ผู้นำคนใหม่ของกลุ่มโจร ว่า พธม.อยากพูดอะไรก็ให้พูดไป ต่อแต่นี้ไปทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการจะทำบนโลกนี้ คุณต้องได้รับอนุญาตจาก พธม.เสียก่อนจึงจะทำได้ พ.ต.ท.ทักษิณเผยด้วยว่า อยู่สุขสบายดีในบ้านพักที่อังกฤษ โดย น.ส.แพทองธาร ลูกสาวคนเล็ก กำลังจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ กิจวัตรประจำวันของตน คือการออกกำลังกายและไปเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูง ร่างกายตนแข็งแรงสมบูรณ์ดี แต่จิตใจไม่มีความสุข ใครที่ไม่ได้ ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับตนไม่รู้หรอกว่าตนรู้สึกอย่างไร
พ.ต.ท.ทักษิณยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับ การเจรจาขายสโมสรฟุตบอล “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ให้ บริษัทในอาบู ดาบี ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีรายงานว่า มีมูลค่าถึง 200 ล้านปอนด์ สูงกว่าที่ซื้อมาในราคา 81 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2550 อย่างมาก แต่ พ.ต.ท.ทักษิณเผยว่า ตนกำลังเฝ้าติดตามวิกฤติการเงินในสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิด ขณะนี้มีโอกาสมากมายในสหรัฐอเมริกา แต่ เนื่องจากเงินของตนถูกอายัด ตนจึงไม่มีโอกาสเข้าไปแสวงหาประโยชน์จากโอกาสที่ว่านี้

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย : นางสาว อนัญญา สืบสิน
ID. 5131601570 Section. 02

2551/09/15

เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินกู้ท่องเที่ยวไม่ทัน ทัวร์นอกกลุ่มใหญ่ไม่มา-เอกชนชี้วิกฤติหนักต้องใช้เวลา

ท่องเที่ยวชี้ยกเลิกภาวะฉุกเฉินสายไป ทัวร์นอกกลุ่มใหญ่หนีไปเที่ยวประเทศอื่นแทน
ไทยดึงกลับมาได้แค่นักท่องเที่ยวทั่วไป ททท.เร่งทำความเข้าใจผ่านกิจกรรมโรดโชว์ เอกชนมองต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกนาน
นายสุรพล เศวตเศรณี รองผู้ว่าการด้านโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในวันที่ 14 กันยายน
ถือว่าทันการณ์สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป โดยเฉพาะยุโรปที่จองเข้ามาช่วงฤดูการท่องเที่ยวและรอดูสถานการณ์อยู่ แต่สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ กลุ่มสัมมนา และกลุ่มอินเซนทีฟ อาจถือว่าสายเกินไป อีกทั้งเป็นผลกระทบระยะยาว เพราะกลุ่มนี้ต้องมีการจองในระยะยาวกว่าการท่องเที่ยวปกติ
"ประเด็นการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถูกคลี่คลายไปแล้ว 1 ประเด็น ทำให้ ททท. ต้องมีมาตรการเร่งสื่อสาร เพื่อสร้างความเข้าใจในกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน กลุ่มการประชุมและสัมมนา และอินเซนทีฟ โดยจะให้น้ำหนักกับการสื่อสารผ่านกิจกรรมโรดโชว์ตามที่ททท.วางแผนไว้" นายสุรพลกล่าว
ด้านนายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า การยกเลิกภาวะฉุกเฉินจะช่วยประคับประคองการท่องเที่ยวในช่วงฤดูการท่องเที่ยวให้ลดลงไม่มากเท่าที่คาดไว้ ซึ่งแนวโน้มเป้าหมายการท่องเที่ยวเมื่อเทียบเคียงจากเป้าหมายของ ททท. จะลดลงจากที่วางไว้ โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจะเท่ากับปีที่ผ่านมาหรือ 14.5 ล้านคน และรายได้อยู่ในระดับประมาณ 5 แสนล้านบาท
“ต้องใช้เวลาพอสมควรที่จะกู้วิกฤติครั้งนี้ เพราะครั้งนี้ถือเป็นวิกฤติท่องเที่ยวที่รุนแรงที่สุดรอบ 18 ปี ทั้งนี้คงต้องใช้ความช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยเฉพาะล่าสุด การอนุมัติกองทุนเพื่อช่วยเหลือจากรมว.ท่องเที่ยว เชื่อว่าจะช่วยผู้ประกอบได้ในระดับหนึ่ง” นายอภิชาติ กล่าว
ด้านนายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน กล่าวว่า การประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่งผลดีต่อนักท่องเที่ยวจีนมาก เพราะที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการหวั่นเกรงต่อประกาศดังกล่าวมาก จนคาดว่าหลังจากการยกเลิกทัวร์จีนในบางส่วน ก่อนหน้านี้ จะทำให้เป้าหมายนักท่องเที่ยวจากจีนในปีนี้ 1.5 ล้านคน อาจเหลือประมาณ 7.5 แสนคนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในวันชาติจีน ซึ่งอยู่ในวันที่ 1-10 ตุลาคมนี้ นักท่องเที่ยวบางส่วนตัดสินใจเดินทางไปสิงคโปร์ และมาเลเซียแทน อีกทั้งเครื่องเหมาลำได้ถูกยกเลิกทั้งหมดแล้ว ทำให้การเดินทางช่วงดังกล่าวคาดว่าจะได้เพียง 50% ของแต่ละเที่ยวบินเท่านั้น
ท่องเที่ยวชี้ยกเลิกภาวะฉุกเฉินสายไป ทัวร์นอกกลุ่มใหญ่หนีไปเที่ยวประเทศอื่นแทน ไทยดึงกลับมาได้แค่นักท่องเที่ยวทั่วไป ททท.เร่งทำความเข้าใจผ่านกิจกรรมโรดโชว์ เอกชนมองต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกนาน
นายสุรพล เศวตเศรณี รองผู้ว่าการด้านโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในวันที่ 14 กันยายน ถือว่าทันการณ์สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป โดยเฉพาะยุโรปที่จองเข้ามาช่วงฤดูการท่องเที่ยวและรอดูสถานการณ์อยู่ แต่สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ กลุ่มสัมมนา และกลุ่มอินเซนทีฟ อาจถือว่าสายเกินไป อีกทั้งเป็นผลกระทบระยะยาว เพราะกลุ่มนี้ต้องมีการจองในระยะยาวกว่าการท่องเที่ยวปกติ
"ประเด็นการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถูกคลี่คลายไปแล้ว 1 ประเด็น ทำให้ ททท. ต้องมีมาตรการเร่งสื่อสาร เพื่อสร้างความเข้าใจในกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน กลุ่มการประชุมและสัมมนา และอินเซนทีฟ โดยจะให้น้ำหนักกับการสื่อสารผ่านกิจกรรมโรดโชว์ตามที่ททท.วางแผนไว้" นายสุรพลกล่าว
ด้านนายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า การยกเลิกภาวะฉุกเฉินจะช่วยประคับประคองการท่องเที่ยวในช่วงฤดูการท่องเที่ยวให้ลดลงไม่มากเท่าที่คาดไว้ ซึ่งแนวโน้มเป้าหมายการท่องเที่ยวเมื่อเทียบเคียงจากเป้าหมายของ ททท. จะลดลงจากที่วางไว้ โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจะเท่ากับปีที่ผ่านมาหรือ 14.5 ล้านคน และรายได้อยู่ในระดับประมาณ 5 แสนล้านบาท
“ต้องใช้เวลาพอสมควรที่จะกู้วิกฤติครั้งนี้ เพราะครั้งนี้ถือเป็นวิกฤติท่องเที่ยวที่รุนแรงที่สุดรอบ 18 ปี ทั้งนี้คงต้องใช้ความช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยเฉพาะล่าสุด การอนุมัติกองทุนเพื่อช่วยเหลือจากรมว.ท่องเที่ยว เชื่อว่าจะช่วยผู้ประกอบได้ในระดับหนึ่ง” นายอภิชาติ กล่าว
ด้านนายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน กล่าวว่า การประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่งผลดีต่อนักท่องเที่ยวจีนมาก เพราะที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการหวั่นเกรงต่อประกาศดังกล่าวมาก จนคาดว่าหลังจากการยกเลิกทัวร์จีนในบางส่วน ก่อนหน้านี้ จะทำให้เป้าหมายนักท่องเที่ยวจากจีนในปีนี้ 1.5 ล้านคน อาจเหลือประมาณ 7.5 แสนคนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในวันชาติจีน ซึ่งอยู่ในวันที่ 1-10 ตุลาคมนี้ นักท่องเที่ยวบางส่วนตัดสินใจเดินทางไปสิงคโปร์ และมาเลเซียแทน อีกทั้งเครื่องเหมาลำได้ถูกยกเลิกทั้งหมดแล้ว ทำให้การเดินทางช่วงดังกล่าวคาดว่าจะได้เพียง 50% ของแต่ละเที่ยวบินเท่านั้น

ที่มา : http://www.komchadluek.net/2008/09/16/x_eco_d001_221230.php?news_id=221230
โดย : นางสาว อนัญญา สืบสิน
ID. 5131601570 Section. 02

2551/09/13

ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินมีผลวันนี้ สมชาย วอนยุติความขัดแย้ง

สมชาย ควง อนุพงษ์ แถลงยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว มีผลตั้งแต่วันนี้(14ก.ย.) วอนทุกฝ่ายยุติความขัดแย้งหันหน้าแก้ปัญหาชาติ
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ที่กองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อเวลา 11.15 น.วันที่ 14 กันยายน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ ได้ร่วมกันแถลงยกเลิกประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อวันที่ 2 กันยายนแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายสมชาย กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันนี้สถานการณ์ความรุนแรงได้บรรเทาลงแล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกต่อไป พร้อมกันนี้นายสมชายยังได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันเพื่อยุติความรุนแรงความขัดแย้ง "เราไม่มีเวลาที่จะขัดแย้งกันอีกแล้ว เพราะว่าขณะนี้ปัญหาของชาติมีอยู่อย่างมากมาย ที่ทุกฝ่ายควรร่วมกันแก้ไข"นายสมชายกล่าวและว่า ส่วนผู้ชุมนุมจะชุมนุมก็ได้แต่น่าจะเป็นพื้นที่อื่นที่ไม่ใช่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งการหารือเพื่อยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการสร้างภาพเพื่อที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ต้องการที่จะสร้างความสงบให้เกิดขึ้นในชาติ ไม่ให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสังคมอีกต่อไป

ขอขอบเนื้อหาจาก
by Sasiwimol Sakarapopkul ID : 5131601506 Section : 2 Major : Law

2551/09/12

พธม. ย้ำคำเดิมไม่รับนายกฯ จากพรรคพลังประชาชน [13 ก.ย. 51 - 12:49]



พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ร่วมกันแถลงข่าววันนี้ (13 ก.ย.) ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล โดย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะยังคงชุมนุมอยู่ในทำเนียบรัฐบาลจนกว่ารัฐบาลชุดนี้ จะพ้นจากตำแหน่งไป ส่วนกรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ที่มีกระแสข่าวจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ นั้น กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ไม่ยอมรับ
แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า การจะยกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในเขตกรุงเทพฯ หรือไม่ ไม่มีผลต่อการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องเรียกร้องให้ยกเลิกเพียงแต่องค์กรที่เสนอให้มีการยกเลิก เพราะการบังคับใช้ไม่ได้ผล และส่งผลให้เศรษฐกิจเสียหาย
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า เป็นเรื่องดีที่มีหลายฝ่ายแสดงความคิดเห็นต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพราะการเมืองในระบบเก่าใช้ไม่ได้ผล จึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมแสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า หากมีการเมืองใหม่เกิดขึ้นจะไม่รับตำแหน่งใดๆ
ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า อยากให้จับตา 5 วันอันตรายในช่วงนี้ ก่อนจะถึงวันที่ 17 ก.ย. ที่จะมีการตัดสินคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภริยา เพราะมีรายงานว่า มีประชาชนที่ยังสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณจะออกมาสร้างสถานการณ์ในช่วงนี้

ขอขอบคุณ www.thairat.co.th

โดย นางสาวศศิวิมล ศักรภพน์กุล

ID : 5131601506 Section 2

สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

ชนกันแล้ว

แล้วจะไม่หน้าม้านเข้าหากันหรือมีคำถามอย่างนี้ เมื่อเกมชิงเหลี่ยม เพื่อชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ระหว่าง ส.ส.เหนือกับกรุงเทพฯ และอีสานพัฒนา
บางส่วน ที่มี “ยงยุทธ ติยะไพรัช” เป็นหัวหน้าใหญ่ เปิดศึกกับฝ่าย ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน โดยฝ่ายแรกจะชู “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
ในขณะที่ฝ่ายหลังยึดมั่น “สมัคร สุนทรเวช” ซึ่งศึกจบลงโดยฝ่ายเพื่อนเนวินชนะ เข็นสมัครกลับขึ้นสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีรอบ 2 ได้ฉลุยเกมเดินหักโค่นกันขนาดนี้แล้วรองนายกฯ สมชาย จะมองหน้านายกฯ สมัครได้สนิทใจอย่างเดิมหรือ ก็มีคำตอบว่า ยังมองหน้ากันได้อยู่ เพราะมีคนกลางเป็นผู้ประสานก็ถามว่าคนกลางคือใคร ตอบว่าก็คือ “ทักษิณ ชินวัตร”เกมหักโค่นที่จะดัน “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ขึ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่สู้กันในช่วงวันที่ 9-11 ก.ย.51 ถึงขนาดที่ฝ่ายเหนือต้องขอพึ่งฝีมือของ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็น ส.ส.แล้วนั้น ว่าไปแล้วมันก็คือเกมเก่า ที่เคยปะทะกันมาแล้วในช่วงวันที่ 17-19 ส.ค.51 ที่ ส.ส.กรุงเทพฯ กับเหนือในสายของ “2 เจ๊” ไม่พอใจที่เห็นว่าหัวหน้าพรรคสมัคร ปล่อยปละละเลยให้ สตช.ประจานหมายจับ “ทักษิณ+พจมาน” ทั้งที่นายกรัฐมนตรีกำกับดูแล สตช. จึงพากันเข้าชื่อ 200 คน ทำจดหมายเปิดผนึกให้หัวหน้าพรรคมาชี้แจงในที่ประชุมพรรค โดย “สงคราม กิจเลิสไพโรจน์” เปิดหน้าเล่นเป็นคนส่งจดหมายด้วยตัวเอง ซึ่งผลจบลงโดยเย็น 19 ส.ค.51 สมัครถือดาบเข้าไปไล่ฟัน ส.ส.กลางที่ประชุมพรรคเลือดสาดไปเป็นแถบสมัคร ถามว่าจะหยุดมั้ย ถ้าไม่หยุดก็เลิกกันเลยตอนนี้ ปรากฏว่าพวกที่เข้าชื่อทำจดหมายเปิดผนึกเงียบกริบ เพราะคืน 18 ส.ค.51 “ทักษิณ ชินวัตร” โทรศัพท์มาถึง ส.ส.ที่เป็นแกนนำจะล่อสมัครให้เลิก ก็รีบเลิกหนังม้วนเก่ากลับมาอีก ส.ส.เหนือ กรุงเทพฯ อีสานพัฒนากลุ่มน้อย จะดัน “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” เป็นนายกรัฐมนตรีก็แพ้อีกคุณสมบัติที่คนอื่นไม่มี และทักษิณยังต้องพึ่งสมัครอยู่มี 2 ข้อ1.ความเป็นคนเลือดสีน้ำเงินของสมัครทำให้เบื้องบนเชื่อใจว่ายังไงก็ไม่คิดเป็นประธานาธิบดี2.เข้ากับทหารได้ดีแต่เวลานี้คุณสมบัติข้อ 2 ของสมัคร กำลังจะถูกท้าทายครั้งสำคัญ ในวันที่จะได้กลับขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีรอบ 2 ด้วยการโหวตของ ส.ส.6 พรรคร่วมรัฐบาล 9 โมงครึ่ง ศุกร์ 12 ก.ย.51ใครก็รู้และเห็นภาพตลอด ถึงความสนิทชิดของผู้ชาย 2 คน สมัครกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาสมัครโอ๋ทุกอย่าง ก็ขนาด พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหมของคณะปฏิวัติยังไม่กล้าเซ็นให้กองทัพบกซื้อรถเกราะโบราณลำเลียงพลของประเทศยูเครน แต่สมัครเซ็นให้ซื้อ และเพิ่งอนุมัติให้ซื้อปืนกล 5.56 มม. กระบอกละสองแสนกว่าบาทจากประเทศอิสราเอล ในการประชุม ครม.สัญจรที่อุดรธานี 8 ก.ย.51ขณะที่สมัครไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เช้า 11 ก.ย.51 ที่สนามบิน ขส.ทบ.ดอนเมือง ก่อนที่จะขึ้นเครื่องลงไปราชการภาคใต้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ได้แถลงกับนักข่าวว่า ได้เสนอต่อ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” รักษาการนายกรัฐมนตรีไปแล้วให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะเห็นว่าตำรวจใช้กฎหมายอื่นก็ทำงานได้ โดยขอให้ทหารเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานได้นี่คือการกระแทกครั้งสำคัญก่อนนี้สื่อไทยและเทศพากันวิเคราะห์ว่า การที่ พล.อ.อนุพงษ์ แถลงข่าวหลังได้เป็น ผอ.กอฉ.จะไม่ใช้กำลังเข้าสลายม็อบในทำเนียบรัฐบาล นั่นคือการที่สมัครสั่งทหารไม่ได้ และทันทีที่สมัครประชุม ครม.นัดพิเศษ ที่ บก.ทท. สั่งโอนอำนาจของรัฐมนตรีคนอื่นตาม พ.ร.บ. 20 ฉบับ มาเป็นของสมัครคนเดียว รวมทั้งการสั่งเคลื่อนย้ายกำลังรบก็ถูกสื่อวิเคราะห์ว่า สมัครยึดอำนาจคืน จนสมัครต้องออกมาแก้ว่า อำนาจที่โอนมานั้นยกให้ พล.อ.อนุพงษ์ในฐานะ ผอ.กอฉ.ไปหมดแล้ว แสดงว่ารัฐบาลไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์แต่การที่ พล.อ.อนุพงษ์ ยื่นข้อเสนอให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินขณะที่สมัครไม่ได้เป็นนายกฯ แล้ว ภาระหนักจึงทุ่มใส่น้องเขยทักษิณ ซึ่งก็บอกนักข่าวว่า จะต้องหารือกับผู้ใหญ่หลายฝ่ายก่อนจะยกเลิกเมื่อไหร่เซิร์น ยังไม่ปล่อยอนุภาคโปรตอนเข้าชนกันในการทดลองวันแรก แต่เด็กหญิงอินเดียฆ่ากันตายไปแล้ว 1 คน เพราะกลัวโลกถูกหลุมดำดูดหายวับไปพล.อ.อนุพงษ์ พุ่งเข้าชนรองนายกฯ สมชาย ก็ยังไม่รู้ว่าจะน่ากลัวเท่าการปล่อยอนุภาคโปรตอนชนกันหรือไม่ ก็คงระทึกมาก เพราะ พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ รักษาการโฆษกรัฐบาลแถลงออกมาแล้วในตอนบ่ายวันที่ พล.อ.อนุพงษ์แถลงข่าวว่ารัฐบาลจะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ต่อเมื่อม็อบพันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบรัฐบาลชนกันโครมแล้วระวังหลุมดำวิจิตรา

ที่มา : http://www.banmuang.co.th/politic.asp
โดย : นางสาว อนัญญา สืบสินID. 5131601570 Section. 02

2551/09/11

ด่วน!สภาล่ม หมัก แห้วนายกฯ ชัย สั่งเลื่อนไปประชุม

ประชุมสภาเพื่อลงมติเลือก สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯรอบสองล่ม ประธานสภาฯ สั่งเลื่อนไปประชุมวันที่ 17 กันยายน ด้าน5 พรรคร่วมรัฐบาลแจ้งขอถอนตัว หากพรรคพลังประชาชนยังต้องการเสนอ สมัคร เป็นนายกฯรอบสอง

12ก.ย.)เวลา 09.40 น. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฏร โดยนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร เป็นประธานที่ประชุม นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะสส.พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นเสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีเสียงสนัยสนุน 144 จากผู้เข้าร่วมประชุม 145 คน จากนั้นมีผู้เสนอให้นับองค์ประชุม ผลการนับปรากฏว่า มีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 161 คน นายชัย ชิดชอบ จึงสั่งเลือ่นการประชุมไปวันที่ 17 กันยายน เวลา 09.30 นลือสะพัด!! 5 พรรคร่วมรัฐบาลแจ้งขอถอนตัว รายงานข่าวจากพรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น. แกนนำแต่ละพรรคได้โทรศัพท์แจ้งไปยังแกนนำพรรคพลังประชาชน ว่า จะไม่ขอร่วมประชุมเพื่อเลือกนายกฯในวันนี้ และถ้าพรรคพลังประชาชนยังดึงดันจะเสนอนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯต่อไป พรรคร่วมทั้งหมดก็จะถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล นายไชยา สะสมทรัพย์ รักษาการ รมว.พานิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคชาติไทยไม่เข้าร่วมประชุมโหวตเลือกนายกฯ ว่า ไม่เข้าหรือ หากไม่เข้าก็ยุบสภา ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องปเลี่ยนนายกฯหรือไม่ นายไชยา กล่าวว่า ก็ยุบสภา ผู้สื่อข่ายรงายงานว่า เวลา 08.45 น.ขบวนรถนายสมัคร สุนทรเวช ได้มาถึงอาคารรัฐสภาซึ่งขบวนรถได้เข้ามาวนในสภา แต่นายสมัครไม่ได้ลงและรถได้วนรถขึ้นมาจอดชั้นสองและยังไม่ลงจากรถจนถึงขณะนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 08.55 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯได้เดินทางมายังอาคารสภา โดยขึ้นทางตึกวุฒิสภา เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นม็อบมาให้กำลังใจหรือไม่นายสมัครบอกว่าไม่เห็น ผู้สื่อข่าวถามว่าจะไปพบม็อบหรือไม่นายสมัครตอบว่าไม่ไป พร้อมกันนี้นายสมัครได้ทักผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดีว่า รู้ได้อย่างไรว่าตนจะมาทางตึกวุฒิ ต่อมาเวลา 09.00น.นายสมศักดิ์ ปริศนานันกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้พรรคกำลังประชุมแต่คงไม่ร่วมประชุมสภาและในการประชุมดังกล่าวพรรคกำลังหาเหตุผลในการไม่มาร่วม

ขอขอบคุณ www.sanook.com

โดย นางสาวศศิวิมล ศักรภพน์กุล

ID : 5131601506 Section 2

สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง



อีสานพัฒนาลั่นไม่เอา สมัคร จะโหวตค้าน100 คน

อีสานพัฒนาลั่นจะมี ส.ส.พรรคพลังประชาชนร่วม 100 คนโหวตขวาง "สมัคร" นั่งนายกฯรอบ 2 พรุ่งนี้ ท้าแกนนำพรรคฯตั้งกก.สอบ "ศักดา"ยันต้องสลายแก๊งค์อ็อฟโฟร์ ด้าน"หมอเลี๊ยบ" เรียกประชุมพรรคอีกรอบค่ำนี้ "ปรีชา"ระบุงดออกเสียงแน่



ไม่เอาสมัคร


เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 11 กันยายน นายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคพลังประชาชน ในฐานะแกนนำกลุ่มอีสานพัฒนาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชาชน เรียกประชุมส.ส.อีกครั้งว่า ขอยืนยันว่าส.ส.ส่วนใหญ่ในพรรคขณะนี้ซึ่งรวมตัวกันเหนียวแน่น ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคกลางบางส่วน ประมาณเกือบ 100 คนจะรวมตัวกันเพื่อแจ้งจุดยืนของกลุ่มต่อที่ประชุมพรรคเย็นนี้ (18.00น.) ว่ากล่มจะไม่ยกมือโหวตรับนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมตรีอีกครั้งแน่นอน เพราะเห็นว่าสถานการณืขณะนี้ไม่เหมาะสมที่นายสมัครจะเป็นนายกฯ "อย่างไรก็ตามหากพรรคจะอ้างมติพรรคหรือลงโทษส.ส.ที่ยกมือสวนโหวต โดยใช้ข้อบังคับพรรคมาอ้าง เราก็จะแย้งว่าส.ส.มีเอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญและขอท้าแกนนำที่สันบสนุนนายสมัครให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนทางกลุ่มส.ส.ที่ไม่เห้นด้วยได้เลย" นายไพจิต กล่าว นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ใช่เฉพาะส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนา แต่ยังมีส.ส.กลุ่มอื่นที่มีแนวโน้มว่าจะไม่ยอมรับนายสมัครแต่ยังสงวนท่าทีอยู่ ซึ่งกลุ่ม ส.ส.ที่สนับสนุนายสมัครมีเพื่อกลุ่มเพื่อนเนวิน ซึ่งเป็นส.ส.กลุ่มน้อย ดังนั้นหากขู่ว่าจะลงโทษหากทางกลุ่มโหวตสวนมติพรรคในวันพรุ่งนี้ ทางกลุ่มก็จะเสนอว่ากลุ่มที่สนับสนุนนายสมัครซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยควรจะออกจากพรรคไปแทน อย่างไรก็ตามในฐานะที่ตนออกมาตรวจสอบกลุ่มแก๊งออฟโฟร์ยอมรับว่าการแสดงท่าที่ของกลุ่มอีสานพัฒนาที่ขัดแย้งกับเพื่อนเนวินมีเจตนาที่ต้องการแสดงแก๊งออฟโฟร์และบุคคลที่อยู๋ใกล้ชิดนายสมัครให้ออกไปจากพรรคเนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับพรรคและพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯด้วยการแอบอ้างชื่อเพื่อหาประโยชน์ในรัฐบาล 70ส.ส.พปช. ยันโหวตไม่เอา สมัคร




อย่างไรก็ตามเมื่อเวลา 17.00 น. ส.ส.พรรคพลังประชาชนส่วนหนึ่ง ประกอบด้วย แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา กลุ่มขุนค้อน กลุ่มโคราช ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และ กทม. ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายไพจิตร กล่าวว่า พวกตนประมาณ 70 คน เห็นตรงกันว่าขณะนี้พรรคยังไม่มีมติที่จะเสนอชื่อนายสมัครเพื่อให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี "และกลุ่มของเราเห็นตรงกันว่านายสมัครได้ทำภาระหน้าที่มาอย่างดี แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัน แม้เราจะไม่เห็นด้วยกับมติศาลแต่ก็ต้องเคารพคำพิพากษาของศาล และยังเห็นว่าควรที่จะเสนอชื่อบุคคลอื่นเพื่อให้สภาพิจารณา เพ่อที่จะทำให้บรรยากาศในทางการเมืองดีขึ้น ซึ่งพรรคจะมีการเรียกประชุมส.ส.เพื่อขอมติ เพื่อความรอบคอบและหากยังหาข้อยุติที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่ได้ทางกลุ่มก็จะขอให้พรรคเสนอต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร์ เพื่อเลื่อนการพิจารณาเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯออกไประยะหนึ่งน่าจะเป็นผลดี" นายไพจิตร กล่าว ด้านพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ แกนนำกลุ่มโคราชกล่าวว่า ทางกลุ่มได้หารือกันเห็นว่า ขณะนี้ปัญหาบ้านเมืองเกิดจากปัญหาสะสมและนายสมัครไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกฯในภาวะนี้ เพราะจะเกิดความลำบากในการแก้ไข "เราจึงไม่สนับสนุนนายสมัครเพราะเกรงว่าบ้านเมืองจะเสียหายมากยิ่งขึ้น เราจะนำเรื่องนี้ไปเสนอต่อที่ประชุมพรรคเพื่อที่พรรคจะตัดสินใจอีกครั้ง ส่วนจะตัดสินใจอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง" พ.ต.ท.สมชาย กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามเห็นว่าบ้านเมืองขณะนี้ต้องอาศัยคนที่อ่อนน้อม ประนีประนอม นำพาบ้านเมืองไปสู่ความสงบเรียบร้อย ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร กล่าวว่า วันนี้สถานการณ์การเมืองเป็นอย่างนี้ หากจะให้นายสมัครมาเป็นนายกฯต่อไปอย่างที่ส.ส.ส่วนหนึ่งเห็นด้วย เราเห็นว่าจะเกิดปัญหาในเรื่องของวิกฤติบ้านเมืองซึ่งเราเกรงว่าจะเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร เราไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นแต่ต้องการให้ระบบรัฐสภา หรืออำนาจนิติบัญญัติแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ ผู้สื่อข่าวถามว่าหากที่ประชุมพรรคมีมติเสนอชื่อนายสมัครเป็นนายกฯ ทางกลุ่มจะดำเนินการอย่างไร นายไพจิตรกล่าวว่า เชื่อว่า พรรคจะมีการฟังความเห็นของสมาชิกจำนวน 70-80 คนที่ถือว่ามีความหมายที่จะทำให้พรรคเดินไปในทิศทางเดียวกัน หวังว่าจะมีการทบทวนให้เกิดความรอบคอบ เพราะมีสมาชิกที่เห็นต่าง ตนเชื่อว่าจะมีข้อยุติได้ และหากพรุ่งนี้(12กย)ยังไม่มีมติของพรรคก็ถือว่าพรรคจะให้โหวตตามอัธยาศัย หรือฟรีโหวต แต่ถ้าพรรคจะมีมติเราก็คงจะได้อภิปรายอย่างตรงไปตรงมาเพื่อหาข้อยุติที่ตรงกัน ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางกลุ่มจะโหวตสวนใช่หรือไม่ นายไพจิตรกล่าวว่า คำว่าเป็นเอกสิทธ์ก็คือส่วนใหญ่จะโหวตไปอีกทางหนึ่ง บางส่วนที่เกรงใจก็อาจจะงดออกเสียง หรือส่วนที่เกรงใจมากๆก้อาจจะโหวตตาม ในชั้นนี้ไม่ได้ลงในรายละเอียด อย่างไรก็ตามทางกลุ่มยังไม่มีชื่อบุคคลที่จะเสนอแทนนายสมัคร แต่เห็นว่ายังมีคนที่เหมาะสมอยู่พอที่จะทำงานประคับประคองพรรคได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการแถลงจุดยืน 6 พรรคร่วมรัฐบาล และแกนนำบางส่วนแยกไปคุยกับนายสมัครที่บ้านพัก ปรากฎว่าเมื่อเวลา 18.00 น.นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ได้เรียกประชุมส.ส.ด่วนเพื่อหาข้อสรุปบุคคลขึ้นมาเป็นนายกฯ "ปรีชา"ระบุงดโหวตให้"สมัคร"นั่งนายกฯ นายปรีดา เร่งสมบูรณ์สุข สส.พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตนอยู่ในกลุ่มที่ไม่เอานายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯรอบ 2 เพราะมองแล้วว่าบ้านเมืองบอบช้ำมานานแล้ว นายสมัครเป็นนายกฯมา 7 เดือน นโยบายต่าง ๆที่แถลงต่อประชาชนไม่เด่นชัดเลย ตนก็ท้วงติงในที่ประชุมพรรคมาตลอด การจัดระเบียบของพรรคก็ไม่มีเลย และหัวหน้าพรรคก็ไม่ให้สมาชิกได้แสดงความเห็น "เราจะต้องมาดูทิศทางการเมืองด้วย เพราะทิศทางตอนนี้เป็นสุญญากาศ ต้องดูกระแสสังคมเอาอย่างไร และทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ จะหาแนวทางอย่างไรให้สันติ ส่วนใครจะเป็นตัวแทนมาแทนนายสมัครซึ่งก็ได้คุยตั้งแต่เมื่อคืนแล้วก็ยังไม่ได้ข้อสรุป และมีการประชุมอีกในช่วงเช้า เพื่อหาทิศทางของพรรค และมีการถกเถียงกัน กลุ่มหนึ่งจะเอานายสมัคร แต่อีกฝ่ายไม่เอา ก็ตั้งตัวแทน 3 ฝ่าย ให้ไปบอกนายสมัครว่าพรรคร่วมบางพรรคไม่เห็นด้วยที่จะให้นายสมัคร กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง" นายปรีชา กล่าวและว่า ตนทราบว่านายสมัครเสนอตัวที่จะมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ซึ่งพรรคร่วมบางพรรคก็ไม่เห็นด้วย และประชาชนก็ไม่เอา อยากจะให้มีคนกลางเข้ามา กลุ่มที่ไม่เอานายสมัครนอกจากกลุ่มอีสานพัฒนาแล้ว ยังมีทั้งกลุ่มทางเหนือ กรุงเทพฯ และภาคกลางบางส่วน "สำหรับวันพรุ่งนี้ เรามองประเทศชาติเป็นหลัก หาก พปช.เสนอ นายสมัคร ผมก็จะงดออกเสียง เพื่อไม่ให้เสียงถึงกึ่งหนึ่ง ก็อยากจะให้มาทบทวนอีกที" นายปรีชา กล่าว ขณะที่ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่าก ารแสดงท่าทีอย่างนี้แสดงว่ามีปัญหาก็จะต้องมาคุยกันในเย็นวันนี้ ตอนนี้ต่างคนต่างพูด ยังไม่ลงตัว ประชุมเย็นวันนี้ เพื่อพิจารณารายชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะเสนอให้พรรคร่วมได้พิจารณา





ขอขอบคุณ

โดย นางสาวศศิวิมล ศักรภพน์กุล ID : 5131601506
Section 2 สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

อัยการปิดคดีฝังกลบทักษิณ

อัยการปิดคดีฝังกลบทักษิณ
วันที่ 10 ก.ย. นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กำหนดให้โจทก์-จำเลยยื่นแถลงปิดคดีภายในวันที่ 10 ก.ย.ว่า ในส่วนของอัยการฝ่ายโจทก์นั้นได้ยื่นคำแถลงปิดคดีต่อศาลแล้วเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยคำแถลงปิดคดีมีความยาวกว่า 10 หน้า ซึ่งเนื้อหาเป็นการประมวลข้อเท็จจริงที่เป็นพฤติการณ์การกระทำผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ภริยา จำเลยทั้งสอง ตามคำฟ้องที่นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง และคำเบิกพยานโจทก์ ประกอบกับข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นมาให้ศาลเห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ. ด้วยการป้องกันและการปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 อย่างไรบ้าง ซึ่งคำแถลงปิดคดีอัยการยืนยันที่จะให้ศาลพิพากษาสั่งริบที่ดินและเงินซื้อขายที่ดินมูลค่า 772 ล้านบาทเศษ ด้วยตามคำขอท้ายฟ้อง อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้คู่ความจะต้องรอวันฟังคำพิพากษา ที่ศาลฎีกาฯ กำหนดนัดไว้ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ซึ่งหากวันดังกล่าวจำเลยทั้งสองไม่มาฟังคำพิพากษา ก็ต้องรอฟังคำสั่งศาลว่าจะให้ออกหมายจับตัวมาฟังคำพิพากษา หรือจะอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยทันที เพราะเวลานี้ชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน อยู่ที่ประเทศอังกฤษ และจะไม่เดินทางกลับมา ด้าน นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ หนึ่งในทีมทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน กล่าวว่า หลังจากที่ทั้งสองประสงค์ที่จะถอนตนและทนายความอีก 5 คน จากการเป็นทนายความรับผิดชอบคดีนี้แล้วตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ตนและทีมทนายความ ก็ไม่ได้รับมอบหมายจากทั้งสองที่จะให้ยื่นคำแถลงปิดคดีแต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้านี้ในชั้นไต่สวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ทั้งสองได้ยื่นคำให้การไว้แล้ว และเมื่อยื่นฟ้องคดีในชั้นสอบคำให้การจำเลย ทั้งสองก็ยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาลไว้เช่นกัน ดังนั้น การไม่ยื่นคำแถลงปิดคดีจึงไม่ส่งผลต่อรูปคดีที่จะทำให้จำเลยเสียเปรียบ หรือเสียโอกาสในการสู้คดี เพราะที่ผ่านมาฝ่ายจำเลยได้นำสืบพยานครบถ้วน และซักค้านพยานโจทก์เต็มที่แล้ว

ที่มา : http://www.banmuang.co.th/politic.asp?id=150897
โดย : นางสาว อนัญญา สืบสิน
ID. 5131601570 Section. 02

2551/09/10

3ส.ตัวเต็งตำแหน่งนายกฯใหม่ เทียบเชิญ บรรหาร ร่วมรัฐบาล

3ส.พรรคพลังประชาชนเข้าพบ บรรหาร เพื่อเทียบเชิญเข้ารัฐบาล เติ้ง อ้ำอึ้งหนุน สมัคร หรือไม่ขอหารือก่อน ระบุ สเป็คนายกฯต้องเป็นคนอะลุ้มอะลวย (10ก.ย.) เวลา 11.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชา ชน และนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เดินทางมาถึงพรรคชาติไทยเพื่อเทียบเชิญขอให้พรรคชาติไทยเข้าร่วมรัฐบาลอีกครั้ง พร้อมทั้งจะได้หารือถึงนายกฯคนใหม่ นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าหารือว่า ขอไปคุยกับหัวหน้าพรรคชาติไทยก่อน ซึ่งพรรคพลังประชาชน ได้ตั้งตน 3 คนมาพูดคุยกับพรรคชาติไทย ซึ่งจุดมุ่งหมายก็เป็นที่ทราบกันอยู่เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนกัน และที่มาวันนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อถามว่า ที่มาหารือวันนี้เพื่อขอให้นายบรรหารสนับสนุนนายสมัครนั่งนายกฯหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย ไว้คุยแล้วจะมาบอก เมื่อถามกรณีที่กลุ่มอีสานพัฒนาออกมาบอกว่าที่พรรคมีมติหนุนนายสมัครนั้นไม่ใช่มติพรรค นายสมชาย กล่าวว่า ยังไม่มีการหารือกับลูกพรรคพลังประชาชนเพราะพึ่งกลับมาจากจังหวัดอุดรธานี ก่อนหน้านั้น เวลา 10.30 น. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคพลังประชาชนจะมาทาบทามเข้าร่วมรัฐบาลอีกครั้งว่า ยังไม่รู้ ต้องหารือก่อน ซึ่งต้องรอดูว่าพรรคพลังประชาชนจะว่าอย่างไร เมื่อถามว่าการประชุมเลือกนายกฯวันศุกร์ที่ 12 ก.ย.ถือว่าเร็วไปหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ต้องไปถามประธานสภาฯตนตอบแทนไม่ได้ เมื่อไม่มีรัฐบาลและถ้าสามารถทำได้เร็ว โดยที่ไม่ผิดขั้นตอน กติกาก็น่าทำได้ เพราะจะกลายเป็นสุญญากาศและรัฐมนตรีที่ทำงานอยู่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเป็นแค่รักษาการณ์ ถ้าทำได้ไม่ผิดก็ไม่น่ามีปัญหา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประธานสภาฯ อย่างไรก็ตามการเลือกนายกฯคนใหม่ในขณะนี้ยังไม่มีการหารือกันในพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคชาติไทย ซึ่งพรรคจะมีการหารือในวันที่ 11 ก.ย.นี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯพรรคชาติไทยจะรู้สึกอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า รอให้ถึงตอนนั้นค่อยว่าอีกที เมื่อถามย้ำว่า ในสถานการณ์แบบนี้สเป็คนายกฯคนใหม่ควรเป็นอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า ต้องเป็นคนที่รอมชอมได้ ถ้อยที่ถ้อยอาศัย ต้องมีตรงนี้เพราะบ้านเมืองวุ่นวายมามากแล้ว เมื่อถามย้ำว่า ควรเปลี่ยนนายกฯเป็นคนใหม่หรือไม่เพราะคนเก่าแข็งเกิน นายบรรหาร กล่าวว่า ขอคุยกับพรรคพลังประชาชนก่อน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนขั้วไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์และชูให้นายบรรหารเป็นนายกฯ นายบรรหาร กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ ตนพูดตั้งแต่เริ่มจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เสียง 220 กว่าเสียงจะจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไร พระเจ้าให้เสียงมาแค่นี้ รอให้พรรคชาติไทยได้เสียง 250 เสียงก่อน ทุกอย่างมันเดสล๊อกทำอะไรไม่ได้


ขอขอบคุณ www.thairat.com
โดย นางสาวศศิวิมล ศักรภพน์กุล ID : 5131601506
Section 2
สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

2551/09/09

สมัคร หลุดตำแหน่ง นายกฯ มติศาลรธน.9-0ขาดคุณสมบัติ

ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดคุณสมบัติ สมัคร จัดรายการ ชิมไปบ่นไป- ยกโขยง 6 โมงเช้า ขัดรัฐธรรมนูญ หลุดเก้าอี้หลุดนายกฯ ด้วยมติเอกฉันท์ 9-0
นายสมัคร สุนทรเวชเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 9 กันยายน นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.และคณะรวม 29 คนและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในการรับจัดรายการ "ชิมไป บ่นไป" และรายการ "ยกโขยง 6 โมงเช้า" เป็นนัดสุดท้าย หลังจากได้นัดไต่สวนนายสมัคร และนายศักดิ์ชัย แก้ววรรณีสกุล กรรมการบริหารบริษัท เฟซ มีเดีย ผู้ผลิตรายการชิมไปบ่นไป และยกโขยง 6 โมงเช้า เป็นนัดสุดท้ายเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า การจัดรายการ "ชิมไป บ่นไป" และรายการ "ยกโขยง 6 โมงเช้า" ของนายสมัครนั้น มุ่งประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ถือได้ว่าขัดรัฐธรรนูญ ส่งผลให้ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยมติเอกฉันท์ 9-0

ขอขอบคุณ www.sanook.com
โดย นางสาวศศิวิมล ศักรภพน์กุล
ID : 5131601506 Section 2
สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง