พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) กล่าวถึงผลประชุม กอฉ. วันนี้ (4 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และผู้รับผิดชอบในการบังคับใช้ รวมทั้งติดตามความก้าวหน้าการทำงาน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเตรียมแผน การเตรียมกำลัง ประเด็นสำคัญ ยังเน้นนโยบายงดการใช้ความรุนแรง และจะใช้กฎหมายที่มีอยู่ดำเนินการ เพราะการใช้กำลังเข้าปฏิบัติต่อกลุ่มคนโดยตรง จะเกิดผลกระทบในวงกว้าง ต้องคำนึงถึงบุคคลอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย
รองผู้อำนวยการ กอฉ. กล่าวต่อว่าที่ประชุมได้พิจารณาว่า จะมีวิธีการอย่างไรเพื่อดำเนินการตามข้อกำหนดทั้ง 5 ข้อ ที่ออกตามความในมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขเรื่องวิธีการและเวลา ต้องขึ้นกับสถานการณ์ที่ต้องปฏิบัติ เพราะเป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีการบ่มเพาะมานาน และเงื่อนไขต่างๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน การนำ พ.ร.ก.ดังกล่าวเข้ามาแก้ไขให้ได้ผลในวันเดียว เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
"ทุกคนเห็นแล้วว่าการใช้กำลังเข้าปฏิบัติการ ทำให้เกิดการสูญเสียบาดเจ็บ แล้วเจ้าหน้าที่จะเป็นฝ่ายผิดทันที ต้องใช้เวลาอาศัยการวางแผนใช้มาตรการเสริมด้วย จึงไม่อยากให้มากดดันกับคณะกรรมการด้วยเวลาหรือเงื่อนไขต่างๆ เพราะถ้าตัดสินใจอะไรเร็วเกินไปจะเกิดข้อผิดพลาด" รองผู้อำนวยการ กอฉ. กล่าว
รองผู้อำนวยการ กอฉ. กล่าวต่ออีกว่าทุกกลุ่มที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าสถานการณ์จะยุติอย่างไร ความผิดก็ยังคงอยู่ ทุกคนจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในโอกาสต่อไป ส่วนกรณีแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อาจเคลื่อนการชุมนุมกลับเข้ามาอีก เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมแผนและกำลังไว้เต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเช่นที่ผ่านมา ขณะเดียวกันต้องการขอร้องให้ต่างคนต่างอยู่ในที่ที่เคยอยู่ แล้วค่อยๆ แก้ไขปัญหากันไป เพราะถ้ายังกดดันกันเช่นนี้จะไม่มีอะไรจบสิ้น เจ้าหน้าที่ก็ลำบากใจในการทำงาน เนื่องจากไม่ต้องการทำร้ายประชาชน ทุกอย่างต้องให้เวลาในการคลี่คลาย ใช้สมองในการคิดแก้ไขปัญหาในทางละมุนละม่อม ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อย่าทำให้เกิดความวุ่นวายกว่านี้อีกเลย
"ต้องหาผู้แทนหรือใครที่จะมาเป็นคนไกล่เกลี่ยเจรจาให้คลี่คลายไปในทางที่ดี ซึ่งแนวทางการเจรจามีการดำเนินการทั้งในทางลับและทางเปิด ผ่านทั้งทางสื่อและญาติพี่น้อง เพื่อขอร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายหาทางแก้ปัญหากันให้ได้ ขึ้นอยู่ว่าเขาจะทำหรือไม่ทำ เพราะเราไปบังคับเขาไม่ได้ ต้องขอร้องกัน ให้ช่วยกันระมัดระวัง ให้ออกมาต่อสู้กันในทางที่ถูกต้อง ข้อสำคัญคือทุกคนต้องปลอดภัย บ้านเมืองต้องปลอดภัย ต้องไม่เสียชื่อไปมากกว่านี้" รองผู้อำนวยการ กอฉ. กล่าวและว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการ กอฉ. ได้รายงานการทำงานของคณะกรรมการให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทราบตลอด นายกรัฐมนตรีไม่ได้ติดใจเรื่องใด เพียงแต่เน้นว่าอย่าให้เกิดความรุนแรง ในส่วนของคณะกรรมการจะพยายามทำให้ดีที่สุด
รองผู้อำนวยการ กอฉ. กล่าวต่อว่าที่ประชุมได้พิจารณาว่า จะมีวิธีการอย่างไรเพื่อดำเนินการตามข้อกำหนดทั้ง 5 ข้อ ที่ออกตามความในมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขเรื่องวิธีการและเวลา ต้องขึ้นกับสถานการณ์ที่ต้องปฏิบัติ เพราะเป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีการบ่มเพาะมานาน และเงื่อนไขต่างๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน การนำ พ.ร.ก.ดังกล่าวเข้ามาแก้ไขให้ได้ผลในวันเดียว เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
"ทุกคนเห็นแล้วว่าการใช้กำลังเข้าปฏิบัติการ ทำให้เกิดการสูญเสียบาดเจ็บ แล้วเจ้าหน้าที่จะเป็นฝ่ายผิดทันที ต้องใช้เวลาอาศัยการวางแผนใช้มาตรการเสริมด้วย จึงไม่อยากให้มากดดันกับคณะกรรมการด้วยเวลาหรือเงื่อนไขต่างๆ เพราะถ้าตัดสินใจอะไรเร็วเกินไปจะเกิดข้อผิดพลาด" รองผู้อำนวยการ กอฉ. กล่าว
รองผู้อำนวยการ กอฉ. กล่าวต่ออีกว่าทุกกลุ่มที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าสถานการณ์จะยุติอย่างไร ความผิดก็ยังคงอยู่ ทุกคนจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในโอกาสต่อไป ส่วนกรณีแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อาจเคลื่อนการชุมนุมกลับเข้ามาอีก เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมแผนและกำลังไว้เต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเช่นที่ผ่านมา ขณะเดียวกันต้องการขอร้องให้ต่างคนต่างอยู่ในที่ที่เคยอยู่ แล้วค่อยๆ แก้ไขปัญหากันไป เพราะถ้ายังกดดันกันเช่นนี้จะไม่มีอะไรจบสิ้น เจ้าหน้าที่ก็ลำบากใจในการทำงาน เนื่องจากไม่ต้องการทำร้ายประชาชน ทุกอย่างต้องให้เวลาในการคลี่คลาย ใช้สมองในการคิดแก้ไขปัญหาในทางละมุนละม่อม ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อย่าทำให้เกิดความวุ่นวายกว่านี้อีกเลย
"ต้องหาผู้แทนหรือใครที่จะมาเป็นคนไกล่เกลี่ยเจรจาให้คลี่คลายไปในทางที่ดี ซึ่งแนวทางการเจรจามีการดำเนินการทั้งในทางลับและทางเปิด ผ่านทั้งทางสื่อและญาติพี่น้อง เพื่อขอร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายหาทางแก้ปัญหากันให้ได้ ขึ้นอยู่ว่าเขาจะทำหรือไม่ทำ เพราะเราไปบังคับเขาไม่ได้ ต้องขอร้องกัน ให้ช่วยกันระมัดระวัง ให้ออกมาต่อสู้กันในทางที่ถูกต้อง ข้อสำคัญคือทุกคนต้องปลอดภัย บ้านเมืองต้องปลอดภัย ต้องไม่เสียชื่อไปมากกว่านี้" รองผู้อำนวยการ กอฉ. กล่าวและว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการ กอฉ. ได้รายงานการทำงานของคณะกรรมการให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทราบตลอด นายกรัฐมนตรีไม่ได้ติดใจเรื่องใด เพียงแต่เน้นว่าอย่าให้เกิดความรุนแรง ในส่วนของคณะกรรมการจะพยายามทำให้ดีที่สุด
ขอขอบคุณ www.dailynews.co.th
โดย นางสาวศศิวิมล ศักรภพน์กุล
ID. 5131601506 Sec 2
School of law
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น